ราชวินิต โรงเรียนพ่อของแผ่นดิน


ราชวินิต โรงเรียนพ่อของแผ่นดิน

กทม. 20 ต.ค. – โรงเรียนราชวินิต คือ 1 ใน 9 โรงเรียนที่ถือกำเนิดขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถือเป็นโรงเรียนเดียวที่มีทุนพระราชทานจากพ่อของแผ่นดิน

r5 r8

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ หนึ่งในนั้นคือการพัฒนาการศึกษา ย้อนไป 48 ปี โรงเรียนราชวินิตถือกำเนิดจากพระราชปรารภ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดตั้งโรงเรียน และเสด็จฯ ไปทรงเปิดพร้อมพระราชทานทุนการศึกษาแก่นักเรียนเป็นครั้งแรกของประเทศ ปัจจุบันมีผู้ได้รับทุนกว่า 12,000 คน

r4 r3

“ราชวินิต” นามพระราชทาน หมายถึง สถานที่อบรมกุลบุตรกุลธิดาให้เป็นคนดี ด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม เริ่มเปิดสอนตั้งแต่ชั้นเด็กเล็กถึง ป.7 โดยไม่เก็บค่าเล่าเรียน รับเพียงบุตรหลานข้าราชการสำนักพระราชวัง ก่อนรับประชาชนทั่วไป และเปิดสอนชั้นมัธยมศึกษา และเพื่อให้ศิษย์ปัจจุบันได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โรงเรียนจึงทำหอประวัติเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระองค์

r2 r7

พระราชทานพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า การศึกษาของเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประถมศึกษา ถือว่าสำคัญและจำเป็นสำหรับเด็กทุกคน ทั้งนี้ ต้องอาศัยความรู้ความสามารถของครูที่เอาใจใส่ พยายามอบรมบ่มนิสัยให้เด็กมีความรู้ มีศีลธรรม เพื่อให้เป็นพลเมืองของชาติต่อไปในภายหน้า

r9 r1

ครูเฉลิม น้อมนำพระราชดำรัสมาเป็นแนวทางในการทำงาน เขาบอกว่าการเป็นครูในโรงเรียนของพ่อ ต้องสอนให้เด็กเป็นคนเก่ง คนดี ตระหนักถึงส่วนรวม โดยนำพระบรมฉายาลักษณ์มาติดไว้ในห้องเรียน เพื่อเตือนใจยามย่อท้อ ทุกครั้งที่เด็กส่งเสียงดัง จะบอกว่าลูกของพ่อต้องตั้งใจเรียน เด็กก็จะเงียบ

แบงค์ชาติ นักเรียนทุนพระราชทาน ดีใจที่ได้รับทุน เพราะต้องใช้ความพยายามสูง ต้องได้เกรด 4 ทุกวิชา ก่อนสอบแข่งขันอีกรอบ ตั้งใจเก็บไว้บูชา หลังจากนี้จะบวชสามเณรเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พ่อของแผ่นดิน และสัญญาจะเป็นคนดีของสังคม

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงสนพระราชหฤทัยให้ความสำคัญกับการพัฒนาการศึกษา เคยมีพระราชดำรัสกับประธานองคมนตรีขณะทรงพระประชวรว่า การปฏิรูปการศึกษาคือสิ่งสำคัญ ด้วยพระปรีชาสามารถและสายพระเนตรอันยาวไกล ส่งผลให้ปวงชนชาวไทยได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง. – สำนักข่าวไทย

Glutathione กลูต้าไธโอน


Over 100,000 scientific studies and articles on glutathione are recorded in PubMed, the official U.S. Government library of medical research. Those articles reveal the remarkable role glutathione plays in the protection and function of every cell, organ, and tissue in the human body and the support of optimal health and function. MaxGXL has been clinically proven to effectively raise glutathione levels.

Detox Reactions After Taking Max Gxl

When taking Max Gxl there will be detox symptoms that will be experienced by different people depending on how their bodies react to the expulsion of toxins.

Some normal reactions when cells are expelling toxins:
1.  flu-like symptoms
2.  headache
3.  brain fog
4.  sore throat
5.  feverish
6.  joint and muscle pain
7.  fatigue
8.  feeling sleepy
What to do when you have these reactions:
1. decrease the dosage of the supplementation to 1 capsule.
2. drink plenty of water
3. eat wholesome, fresh foods
4. gradually increase the supplementation amount over time until they have reached a comfortable amount of 6 capsules a day.
Symptoms not associated with detox include: (recognized as allergic reaction)
1. hives
2. runny nose
3. shortness of breath
What to do when symptom is recognized as an allergic reaction:
1. immediately stop supplementation
Duration of normal detox reactions:
In some people, detox reactions may not occur until they are on the product for weeks to months and in those with severe toxic/bacterial/viral exposure, it may re-occur multiple times as they cleanse their cells at a deeper and deeper level. If this does occur, it is again recommended that one decrease the dose to where the symptoms diminish and/or disappear and then increase slowly.
It is important to understand that the human body utilizes water as its principal medium to expel toxins. Current recommendations for water intake is ½ oz. of water per pound of body weight.The goal is to exercise patience and understand that ultimately the body is going to function better when it is cleansed of the environmental toxins.
My personal experience on detox reactions:
Ater taking Max Gxl for a week, I felt slight headaches with a general feeling of fatigue and sleepiness during the day.  At night I was quite alert and would wake up too early in the morning.  This went on for about 2 weeks but I continued with my usual dosage of 3 capsules a day.  The following week I felt fine and noticed that even if I slept late at night, I would wake up feeling refreshed and energized.  Now after 4 months with continued use of Max Gxl, everything is normal and I feel even better than before.
If you are feeling the normal detox reactions, I encourage you to still continue with the supplementation or decrease it a bit as instructed.  The cells are working and expelling toxins and the end result will surely benefit us.
Some people say that they didn’tl notice anything after taking Max Gxl,
I’d like to share with you a question posted by a reader in a website and the explanation of how this product works: (source: http://www.amazing-glutathione.com/does-maxgxl-work-for-everyone)
อ้างอิง

ปาฏิหาริย์พุทธเกิดเเล้ว


ภาพที่พบนี้ปรากฏที่หน้าผาภูเขาเป็นหน้าพระพักษ์ที่สวยงามมากเห็นทุกส่วนของพระพักษ์  หน้าพระพักษ์สีชมพูเห็นพระเนตรชัดเจนเห็นพระเกศาเป็นธรรมชาติดำสนิด พระองค์นิมิตไว้เป็นรูปรอยองค์ข้อที่ว่าพระพุทธรูปนั้นมีแต่มนุษย์สร้างขึ้นตั้งสมัยคันธราฎเป็นต้นมาและ พระพุทธองค์ไม่ได้ทำนิมิตพระรูปไว้ให้เคารพบูชาเห็นจะไม่เป็นความจริงเสีย แล้วภาพที่ปรากฏนี่ไงคือสิ่งยืนยันว่าเกิดด้วยพุทธทรานุภาพของพระองค์ใคร สนใจติดต่อมาที่  0861306150

ภาพที่ลงนี้ไม่ค่อนชัดเจนนักแต่ภาพจริงนั้นสวยงามมาก

  Featured imageFeatured image

ภาพ นี้นำเปรียบเทียบให้ดูกับภาพที่พบที่พบที่เป็นพระรูปรอยองค์ที่หน้าผามี ลักษณะรูปพระพักษ์เเละพระเมารีคล้ายคลึงกันต่างกันตรงที่เป็นภาพวาดกับ พระรูปที่พบนั้นเป็นหินสลักรอยองค์เเผ่ดูโดดเด่นเเละสวยงามมากพบอยู่ท่าม กลางหุบเขาเเละป่าปกคลุมไว้ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานบัดนี้ถึงกาลเวลาอุบัติ ขึ้นเเล้ว

Featured image

ภาพนี้ไม่น่าจะใช่พุทธลักษณะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเเละไม่ใช่ลักษณะของคนอินเดียจึงไม่น่าใช่ภาพพระรูปของพระพุทธเจ้าที่เเท้จริง

Featured image  Featured image

 Featured image

ชาวพุทธศาสนาสนิกชนทุกท่านที่เคารพรักในปีมหามงคล2555ยุค กึ่งพุทธกาลบัดนี้ได้ถึงเวลาเเล้วที่ชาวพุทธจะได้พบกับพระรูปที่เเท้จริงของ พระพุทธองค์เพราะในอดีตที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัยเเล้วบอกกันว่าไม่เคยเห็น พระรูปของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เเท้จริงว่าพระองค์ไม่ได้ ทำนิมิตพระรูปไว้นั้นไม่เป็นความจริงที่จริงพระองค์ได้ทำนิมิตพระรูปและ เรื่องราวของพุทธองค์ไว้มากมายแต่เราไม่พบกันเองมาหลายยุคหลายสมัยแล้วจนบัด นี้มีบางคนบางหมู่นำรูปภาพที่ไม่ใช่พระรูปที่แท้จริงของพระองค์มาให้ชาวพุทธ ดูและบางสำนักก็รังเกรียดพระพุทธรูปถึงขั้นไม่ไหว้พระพุทธรูปและทำลายพระ พุทธรูปบอกว่ายึดติดไม่ดีความจริงแล้วการไม่ยึดติดรูปกายเราก็ดีและรูปอื่น นอกกายก็ดีเขาใช้ปัญญาพิจรณาเท่านั้นไม่ต้องไปทำลายแม้ภาพพ่อแม่ของเราเรา ยังเคารพไม่กล้าเดินข้ามถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงวัตถุภาพก็ตามหรือพระสาวกของ พุทธองค์ก็ยังเคารพนอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่เต็มดูเหมือนยึดติดแต่ที่ จริงท่านเป็นพระอรหันต์ไม่ยึดติดโดยใช้ปัญญาเท่านั้นแต่กิริยาอาการต้อง นอบน้อม

บัด นี้ถึงรอบกาลเวลาด้วยพุทธธานุภาพที่ความจริงจะได้ปรากฏขึ้นแล้ว ทั้งนี้พระพุทธองค์ทรงมานิมิตบอกให้ไปค้นคว้าหาหลักฐานยังสถานที่ต่างๆที่ พระองค์เสด็จมาในเมืองไทยโดยใช้เวลาสองปีแล้วบัดนี้ได้พบหลักฐานที่เกี่ยว ข้องกับพุทธองค์เป็นของจริงแท้แน่นอนมีทั้งพระรูป พระฉาย ดอกบัว ธรรมจักร ที่ปรากฏพบมีมาสมัยตั้งแต่พุทธกาลมาแล้วแต่ถูกปกปิดซ่อนเร้นอยู่ในหุบเขาป่า ดงพงภัย เพื่อที่จะปรากฏความจริงให้ชาวพุทธยุครอบกึ่งพุทธกาลได้พบเห็นและเข้าถึง ความจริงเพื่อความศรัทธาและรักษาพุทธศาสนาให้ยืนยาวและไม่คาดเคลื่อน

ชาว พุทธท่านใดที่ได้มาอ่านเจอในเว็บไซต์นี้นับว่าท่านเป็นผู้มีบุญและโชคดีนัก ที่ท่านจะได้พบกับหลักฐานพระพุทธองค์ที่เป็นความจริงและพุทธบารมีอันยิ่ง ใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทีแท้จริงเป็นมหามงคลชีวิตที่ได้รู้และพบเห็น เรื่องราวต่างๆที่แท้จริง ข้าพเจ้าจะได้มานำเสนอในสิ่งที่ค้นพบเป็นระยะๆ ท่านใดสนใจก็โทรมาได้ 0861306150

อ้างอิง https://sites.google.com/site/pratihariyphuththkeidelew/

Comments

สิ่งมหัศจรรย์ที่ปรากฎขึ้น


Featured image

Featured image

แผนที่สมัยต่างๆ


2-76 8map3 350px-Carte_Empire-Khmer 426px-Map-of-southeast-asia_1000_-_1100_CE 426px-Map-of-southeast-asia_1300_CE 756454-topic-ix-1 102825865 1199419974 1262491798 cambodia-map3 dsiam map map2 map24 maps_Yonok mybook1-019 photo_Lawoe_01 Rrtublog109 siam_map SoutheastAsia1200Map ThaiHistory_SiamPlacide X10930165-115 Y11778807-0 แผนที่รัฐโบราณก่อนสมัยอยุธยา

ขนาดของพระพุทธเจ้ายุคต่างๆ


มนุษย์

เรื่องศพของพระมหากัสสปะ


เรื่องศพของพระมหากัสสปะ
โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
จากหนังสือตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่มที่ ๖ หน้าที่ ๒๑-๒๓

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=56680&sid=a13213a3c9b98b6198c59c78583919e7

ผู้ถาม
เอ….หลวงพ่อครับ พระมหากัสสปะ ท่านนิพพานแล้ว แต่ได้ยินดีเขาบอกว่า
ศพของพระมหากัสสปะยังอยู่ที่ เมืองราชคฤห์ แล้วจะเผาได้ต่อเมื่อ พระศรี
อาริย์ มาตรัสรู้ และเผาบนมือด้วย อันนี้เป็นเหตุไฉนและข้อเท็จจริงเป็นอย่าง
ไรครับ…..?…..
หลวงพ่อ
เขาลูกไหนว่า

ผู้ถาม
อันนี้ได้ยินจากหลายอาจารย์เขาว่ากันครับ
หลวงพ่อ
เมืองราชคฤห์นี่มันอยู่ตรงไหนนะ…..?…..

ผู้ถาม
ดูเหมือนเมือง…พระเจ้าพิมพิสาร…ครับหลวงพ่อ
หลวงพ่อ
ศพของพระมหากัสสปะยังไม่ได้อยู่เมืองราชคฤห์นี่ อยู่ที่..เชียงตุง เดาส่งแล้ว

ผู้ถาม
อยู่ไทยนี่เองเองเหรอครับ…..?…..
หลวงพ่อ
ไทยใหญ่

ผู้ถาม
ไม่ใช่อยู่อินเดียหรือครับ…..?…..
หลวงพ่อ
ปัดโธ่….จะอยู่อินเดียตะพึดเลยนะ ยกยอดให้อินเดีย ตะบัน..ท่านอยู่ตรงนี้
พระมหากัสสปะท่านมีงานอยู่แถวนี้ ระหว่างเชียงตุง เชียงราย แล้วก็ประเทศ
จีน ที่พระพุทธเจ้าส่งให้มาประกาศศาสนา ถ้าต่ำลงมานั้นเป็นเขตของ พระ
มหากัจจายนะ จากลำพูนลงมาก็เป็นเขตของพระโมคคัลลาน์ ก็ว่าตามเขต
แล้วท่านก็นิพพานแถวนี้ ถ้าถามว่า “ศพของพระมหากัสสปะมีจริงไหม…?..”
ขอยืนยันว่ามีจริง…ยังอยู่ ดอกไม้ที่เขาบูชาก็ยังอยู่ ธูปกับเทียนที่เขาบูชาก็
ยังอยู่ แต่ว่าเวลาปกตินี่เราเข้าไม่ได้ เพราะเขาลูกเล็กๆ สองลูกข้างหน้าต่ำ
เคลื่อนมาติดกัน
เมื่อปีกึ่งพุทธกาลน่ะเข้าได้ เขาลูกเล็กๆ มันขยายตัวออก เป็นเรื่อง
อัศจรรย์เหมือนกันนะ จนกระทั่งฝรั่งเข้าไปถ่ายภาพได้ ฉันได้ภาพที่ฝรั่งถ่าย
ประมาณ ๑๐ ภาพ ในปีนั้นนะ เขาพิมพ์ขาย ไอ้ฉันน่ะไม่ได้ซื้อ เขามาให้แล้ว
ก็เอาภาพนั้นไปให้ หลวงพ่อเล็กดู ถามว่า…….”การนั่งอยู่…การเข้าสมาธิเป็น
ของไม่แปลก แต่ธูปกับเทียนที่เขาบูชาทำไมจึงไม่เศร้าหมอง…..ยังสด ธูป
เทียนก็ยังติดอยู่” หลวงพ่อเล็ก ก็เลยบอกว่า คำอธิษฐานของพระอรหันต์ จะ
ให้เป็นอะไรก็ได้ ใครไม่เชื่อก็ไปดู พวกที่ได้ มโนมยิทธิไปดูก็ได้นี่ ไม่ต้องรอ
ให้เขาเปิด…เข้าได้

ผู้ถาม
แล้วที่ว่าจะเผาต้องเผาบนมือพระศรีอาริย์ล่ะครับ…..?…..
หลวงพ่อ
“ตามท่านว่ามา ถ้าเราไม่เชื่อเราอย่าเพิ่งตาย รอดูก่อน จนกว่าพระศรีอาริย์จะ
นิพพาน!!”

ผู้ถาม
โอ้โฮ…..?…..
หลวงพ่อ
อ้าว…ถ้าพูดเวลานี้ก็เถียงกันไม่จบ บางคนว่า”ฉันไม่เชื่อหรอก เป็นพระพุทธเจ้า
แล้วกฎแห่งกรรมย่อมสิ้นไป มันเป็นเช่นนั้นจริง…..!!

บุพกรรม
หลวงพ่อ
ตามเรื่องมีว่า….สมัยก่อนโน้น พระมหากัสสปะ ท่านเป็นช้าง รูปร่างท่านจึง
ใหญ่โตคล้ายช้าง แล้วพระศรีอาริย์ท่านเป็นเจ้าของ และก็มีการพนันกันว่า
ช้างตัวนี้สามารถจะหยิบอะไรก็ได้ ก็บังเอิญคนพนันมันเกเร มันเอาเหล็กเผา
จนแดงโชนให้อม
ที่แรกเจ้าของยอมแพ้ ยอมให้ถูกปรับดีกว่า ไม่ยอมให้ช้างหยิบ
ช้างก็รักษาศักดิ์ศรี อาศัยที่รักเจ้าของก็เอางวงหยิบ หยิบได้ฝ่ายนั้นก็ต้องแพ้
แต่ช้างก็ต้องตาย เพราะอาสัยกรรมอันนี้หน่อยเดียว เวลาที่พระศรีอาริย์จะ
นิพพานท่านก็เอาศพพระมหากัสสปะใส่พระหัตถ์ อธิษฐานเตโชธาตุเผา เมื่อ
เผาแล้วก็อาศัยเหตุนี้เป็นปัจจัยพระองค์จึงนิพพาน แต่อย่าลืมนะ ไฟที่ใช้กำลัง
ใจให้เกิดขึ้นมันไม่ร้อนหรอก ท่านจะร้อนก็ได้ ไม่ร้อนก็ได้
ผู้ถาม
เอ….ทำไมไม่ร้อนล่ะครับ…??
หลวงพ่อ
ก็เราสร้างเองนี่….ไม่ได้ใช้ไม้ขีดสร้าง มาจาก เตโชกสิณ จะให้ร้อนหรือไม่ร้อนก็ได้
ผู้ถาม
อ๋อ…เป็นเช่นเอง…..

พระเจ้าอโศกมหาราช


พระเจ้าอโศกมหาราช
Indian relief from Amaravati, Guntur. Preserved in Guimet Museum.jpg

พระปรมาภิไธย เทวานัมปิยติสสะ ปิยทัสสี
พระอิสริยยศ พระมหาจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโมริยะ
ราชวงศ์ ราชวงศ์โมริยะ
ครองราชย์ พ.ศ. 270พ.ศ. 311
รัชกาล 41 ปี
รัชกาลก่อน พระเจ้าพินทุสาร
รัชกาลถัดไป พระเจ้าทศรถ เมารยะ
ข้อมูลส่วนพระองค์
พระราชสมภพ พ.ศ. 239
สวรรคต พ.ศ. 311
พระราชบิดา พระเจ้าพินทุสาร
พระราชมารดา พระนางศิริธรรมา [1]
พระมเหสี พระนางอสันธิมิตตา
พระนางเวทิสา
พระนางการุวากี
พระนางปัทมาวตี
พระนางดิศราชเทวี[2]
พระราชโอรส/ธิดา

พระพุทธศาสนาและโหราศาสตร์ไทยก่อนสมัยสุโขทัย


พระพุทธศาสนาและโหราศาสตร์ไทยก่อนสมัยสุโขทัย
จากหลักฐานประวัติทางด้านโบราณคดีที่ได้พบขึ้นใหม่ๆ ในตอนกลางของประเทศไทยในปัจจุบัน ได้มีการค้นพบหลักฐานพวกลูกปัดและสิ่งอื่นๆ ที่แสดงว่า ในอาณาเขตดินแดนสุวรรณภูมิของไทยแห่งนี้ได้มีการติดต่อและเป็นเส้นทางการค้า ขาย จากประเทศอินเดีย ไปจนจดประเทศเวียดนาม มาเนิ่นนานแล้ว เป็นเวลาร่วม ๓,๐๐๐ ปี ก่อนสมัยพุทธกาลเสียอีก แต่สำหรับตำนานมหาอาณาจักรไทยนั้นเพิ่งจะได้เริ่มมีบันทึกเป็นเรื่องราวมา ตั้งแต่กลียุคศักราช และเป็นที่เด่นชัดขึ้น ในรัชสมัยแห่งพระเจ้าสิงหนวัติผู้สร้างมหาอาณาจักรโยนกนาคพันธุนคร ในดินแดนแห่งสุวรรณโคมคำเดิม ที่ได้ร้างไปตั้งแต่ครั้งศาสนาพระพุทธกัสสปะ
พระเจ้าสิงหนวัติพระโอรสของพระเจ้าเทวกาล ได้ประสูติในกลียุคศักราช ๑ ปีก่อนที่ พระเจ้าสีหตนุราช (หรือ สีหหนุราช – พระราชบิดาของพระเจ้าสุทโธทน) และพระเจ้าอัญชันราช (พระราชบิดาของพระนางมหามายาและพระนางปชาบดี) และ พระกาลเทวิฬ ผู้เป็นพระอนุชาของพระเจ้าอัญชันราช (หรือ อสิตดาบส ผู้พยากรณ์พระพุทธเจ้า) ทั้งสามพระองค์จะได้ทำการลบศักราชกลียุคเสีย และได้ตั้ง อัญชันศักราช ขึ้นในกาลียุคศักราช ๒๔๑๑ ปี
พระเจ้าสิงหนวัติทรงมีพระชนมายุยืนยาวมาก ได้สร้างเมืองโยนกนาคพันธุนคร ในปีอัญชันศักราชที่ ๑๗ อาณาเขตแว่นแคว้นดินแดนโยนกนั้นกว้างขวางไปโดยลำดับ ประกอบด้วยชนชาติมากมายหลายเผ่าพันธุ์ เช่น พวก ขะแมร์ ลวะ ละว้า ขอม กล๋อม ขมุ ส่วย ไทย ฯ พระเจ้าสิงหนวัติทรงครองราชย์สมบัติอยู่นานถึง ๑๐๒ ปี จนพระชนมายุได้ ๑๒๐ ปี จึงได้สวรรคต
ในอาณาเขตแห่งอาณาจักรโยนกนาคพันธุนครนั้น ยังมีแว่นแคว้นเมืองหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เรียกว่า เมืองอารวีเชียงรุ้ง หรือ “อาฬวี” อันเป็นถิ่นที่อยู่ของชนกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า “พวกอาฬวกยักษ์” (ผู้เขียน เข้าใจว่า น่าจะเป็นพวกกล๋อม) ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมาโปรดและจำพรรษา ณ เมือง อารวีเชียงรุ้งแห่งนี้ ในพรรษาที่ ๑๖ เมื่อปีอัญชันศักราชที่ ๑๑๙ (ก่อนพระเจ้าสิงหนวัติสวรรคต) และพระองค์ได้เสด็จมาเยือนอาณาจักรโยนกอีกครั้งหนึ่ง ในปีที่ ๔ สมัยของพระเจ้าคันธกุมาร เมื่อปีอัญชันศักราชที่ ๑๒๓ และ ได้ประทับรอยพระพุทธบาทไว้ ณ ตำบลผาเรือและ ตำบลสันทรายหลวง โดยได้ตรัสพยากรณ์ดอยตุง (นามเดิม ดอยดินแดงหรือดอยตะยะสะ) อันเป็นที่อยู่ของพระกัมโลฤาษี ว่า จะเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุในภายหน้า เสร็จแล้ว พระองค์จึงได้เสด็จต่อไปยังกรุงราชคฤห์ จำพรรษาในพรรษาที่ ๒๐

พระเจ้าอชุตราช พระนัดดาของพระเจ้าสิงหนวัติ ได้ขึ้นครองราชย์อาณาจักรโยนก ในปีอัญชันศักราชที่ ๑๔๘ มะเส็งศก ปีเดียวกับที่พระพุทธเจ้าได้ทรงปรินิพพาน พระเจ้าอชาตศัตรูได้ทำการลบอัญชันศักราชนั้นเสีย แล้วได้ตั้งพุทธศักราชขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ. ๓ พระ มหากัสสป ก็ได้นำเอาพระบรมอัฐิธาตุพระรากขวัญเบื้องซ้ายมาถวายแก่พระเจ้าอชุตราช จึงได้มีการก่อสร้างพระสถูปขึ้นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนั้น ที่ดอยตุง ดังพระพุทธทำนาย
ในกาลสมัยต่อมา เมื่อ พ.ศ. ๒๑๘ สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ภายหลังจากที่ได้มีการสังคายนาพระไตรปิฎก ครั้งที่ ๓ ที่กรุงปาฏลีบุตรแล้ว พระโมคคลีบุตร ติสสเถระ ได้แต่งตั้งคณะสงฆ์ไปดำเนินการประกาศเผยแพร่พระพุทธศาสนาหลายคณะ ซึ่งก็ได้มีหลายคณะได้เดินทางเข้ามาในดินแดนสยามประเทศทั้งตอนทิศเหนือและ ทิศใต้ กล่าวคือ
ทางด้านทิศเหนือ ได้มี พระมหารักขิตเถระ กับพระเถรานุเถระอันดับหลายรูปได้นำเอาพระพุทธศาสนา พร้อมด้วยพระบรมสารีริกธาตุ ๙ พระองค์ มาสู่อาณาจักรโยนกนาคพันธุนคร (หมายเหตุ – ท่าน ผู้รู้บางท่าน เช่น ศจ. ดร. พี. วี. บาปัต ว่า น่าจะเป็นไอโอเนียนกรีก แต่ผู้เขียน เห็นว่า ขัดกับหลักฐานแผนที่โบราณและตำนานโยนกนคร)
ทางด้านทิศใต้ ได้มีพระโสณะและพระอุตตรเถระ (ในตำราโหราศาสตร์ไทยว่า พระอุตตรามเถระ) กับพระเถรานุเถระอันดับหลายรูปได้นำเอาพระพุทธศาสนาเข้าสู่แดนแคว้น สุวรรณภูมิทางตอนใต้อีกทางหนึ่ง
ในสมัยนี้เองที่ตำราโหราศาสตร์ได้เข้ามาเริ่มแพร่หลายในดินแดนสยามประเทศ อาทิเช่น ตำราจักรทีปนี, ตำราสุริยยาตร์ ฯลฯ ซึ่งนับเนื่องมาถึงปัจจุบันก็เป็นเวลาสองพันกว่าปีมาแล้ว
อนึ่ง บรรดาสรรพตำราโหราศาสตร์ภาคคำนวณในครั้งกระโน้น ต่อมาได้เปลี่ยนจากกลียุคศักราชมาใช้มหาศักราช ซึ่งพระเจ้าสลิวาหนราช (พระเจ้ากนิษกะ) ได้ทรงลบศักราชเดิมและได้ตั้งขึ้นใหม่ เมื่อวันอังคารที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 78 (พ.ศ. ๖๒๑) มาเป็นมูลคำนวณทั้งสิ้น

ต่อมา ในปี พ.ศ. ๙๕๖ พระพุทธโฆษะ (ในตำราโหราศาสตร์ไทย เรียกว่า พระพุทธโฆษาจารย์) ชาวเมืองโกศล เมืองสุธรรมาวดี (เมืองทาตัน) ในรามัญประเทศ (Tailanga – ประเทศพม่าหรือเมียนมาร์ ในปัจจุบัน) ผู้เดิมเป็นศิษย์แห่งมหาฤาษีปตัญชลิ แล้วต่อมาได้บวชอยู่ในสำนักของท่านมหาสถวีระ เรวตะ และเป็นผู้แต่งคัมภีร์วิสุทธิมรรคอันเลื่องชื่อ ได้เดินมายังเมือง นครไชยบุรี เชียงแสน แคว้นโยนก เมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปีฉลู มหาศักราช ๓๓๕ พร้อมกับได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุ ๑๖ องค์ มาถวายแก่พระเจ้าพังคราช ซึ่งได้จัดสร้างพระสถูปเจดีย์ พระธาตุจอมทองและพระธาตุดอย กิติ ขึ้น
พระพุทธโฆษาจารย์ท่านนี้ เป็นผู้แต่งคัมภีร์อรรถสาลินี (อัฏฐสาลินี) ซึ่งได้กล่าวพยากรณ์ ว่าด้วย การโคจรดาววิปริต พักร์ มณฑ์ เสริด ที่ใช้กันอยู่ในตำราโหราศาสตร์ไทยนี่เอง
จากรายละเอียดที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ จะเห็นได้ว่า ชนชาติไทยมีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เริ่มต้นในครั้งพุทธกาล มาโดยลำดับ และวิชาโหราศาสตร์ไทยก็ได้รับการถ่ายทอดมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล เป็นเวลามากกว่าสองพันปีแล้ว ตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัยจนได้มีพัฒนาการมาเป็นเอกลักษณ์ของไทยโดยเฉพาะแล้ว จึงเป็นที่น่าภาคภูมิใจและสมควรที่จะรักษามรดกภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย อันแฝงอยู่ในวิชาโหราศาสตร์ไทยเอาไว้เป็นมรดกแก่ลูกหลานไทยสืบไป

บรรณานุกรม
พระไตรปิฏก เล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย (สุตตันตปิฏก) สุตตนิบาต มหาวรรค (๑๑) นาลกสูตร
พระไตรปิฏก เล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย (สุตตันตปิฏก) สุตตนิบาต เรื่องที่ ๑๐ อาฬวกสูตร
คัมภีร์มโนรถปูรณีอรรถกถาอังคุตตรนิกาย
คัมภีร์อรรถสาลินี
คัมภีร์ทีปวงศ์ พงศาวดารลังกา
ตำนานโยนก
ตำนานพระธาตุดอยตุง และ ตำนานพระธาตุจอมทอง

 เก็บตกจาก : ปุชฉา-วิสัชนา ที่ 3372
By : หนุ่ม

ที่มา http://www.payakorn.com/news_detail.php?q_id=22

ประเทศไทยใช้ พ.ศ. (พุทธศักราช) ที่ไม่เหมือนประเทศพุทธไหนๆ ในโลก (น้อยกว่า 1 ปี)


380710380711Buddha year in Korea1

เป็นความสงสัยส่วนตัว เห็นป้ายนี้ในวัดเกาหลี คือ อ่านไม่ออกหรอก อ่านออกแต่ปี 2559 (2015)

คือ ถามเพื่อนเกาหลีแล้ว เค้าบอกว่า เป็นปีที่ใช้ในวัด หรือ โรงเรียนที่เรียนพุทธ แต่ปีพ.ศ.เค้าใช้ 2559

เท่าที่รู้ พม่า เขมร หรืออีกหลายๆ ประเทศพุทธใช้ 2559
แต่เมืองไทยใช้ 2558 ประเทศเดียว

ใครพอจะรู้ไหม ประเทศอื่นในเอเชียนใช้ พ.ศ.อะไรบ้าง (ปีหลักคือ ค.ศ. แต่มีปีเลือก เป็นพ.ศ. แบบเกาหลี อะไรแบบเนี่ยะ)

เช่น ใต้หวัน ใช้อะไร ฮ่องกง ฯลฯ

ใครทราบพอแชร์กันบ้างจะขอบคุณยิ่งจ้า…